ถึงเวลาเปลี่ยน

หลังสิ้นเสียงหวีดยาวจากผู้ตัดสิน บนสกอร์บอร์ดที่ระบุชัดว่า ทีมแกร่งเมืองปากน้ำ พ่ายให้กับ คู่ปรับตลอดกาลไปด้วยสกอร์ 1-2 ส่งผลให้สถานการณ์ของทีมในการก้าวไปสู่ รอบ ชปล. เริ่มยากกว่าที่ผ่านมา แววตาแดงก่ำของ “อ.โม” ที่ร่ำไห้ด้วยความผิดหวังพร้อมถอดเสื้อโยนให้แฟนบอลหลังเกม เชื่อว่านั่นคือภาพสุดท้ายที่แฟนบอลหลายๆ ท่านได้เห็น...

แล้วก็เป็นไปดั่งคาด เมื่อหลังจากนั้นไม่นานนัก ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นใน “ป้อมปราการ” อีกครั้ง ความเปลี่ยนแปลงที่ใครหลายคนอาจไม่อยากให้เกิดขึ้น

มองอย่างเป็นกลาง ผลงาน 10 นัดหลังชัดเจนในตัวว่าทีมทำได้ผิดไปจากเป้าหมายไกลโข จากที่เคยนำห่างอันดับ 3 กว่า 10 แต้ม ช่องว่างในเวลานี้ไม่ใช่หดเหลือน้อยลง ทว่ากลับกลายเป็นไม่เหลือเลย ความได้เปรียบแต้มต่อที่ผ่านมา จบลงดื้อๆ เพียง 10 นัดรอยต่อระหว่างเลก ทั้งๆ ที่ขุมกำลังก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่าคู่แข่งร่วมลีกแต่อย่างใด แถมยังพ่วงสถิติสุดเลวร้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกมเยือนที่อยู่ๆ ก็สะดุดไปเสียดื้อๆ

หลายเสียงรับได้กับความเปลี่ยนแปลง ทว่าก็มีหลายเสียงเช่นกันที่บ่นอุบกับผู้มาใหม่ ว่าจะมารับเผือกร้อนนี้ได้ดีแค่ไหน และ 8 นัดที่เหลือจะเป็นเช่นไร กับคนที่ไม่ได้คุมทีมอาชีพมานับ 10 ปี...อย่าง “อ.กอ” ดาวยศ ดารา

^{_{ดาวยศ ดารา หายจากการคุมทีมไปนานนับ 10 ปี หวนคืนมาคุมทัพ "ป้อมปราการ" เหนือคาด}}

ประวัติคร่าวๆ “อ.กอ” เป็นคนจังหวัดพิษณุโลกโดยกำเนิด มี เดือน ดารา (เหงียน วัน เดื๊อก) เป็นบิดา ซึ่งถือเป็นซุปเปอร์สตาร์ของทีมชาติเวียดนาม ก่อนโอนสัญชาติเป็นไทยในเวลาต่อมา

ในวัยเด็กได้รับการฝึกทักษะลูกหนังจากผู้เป็นบิดา ร่วมกับพี่ชายเป็นนักฟุตบอลคือ นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ ที่มีฉายาว่า ''สิงห์สนามศุภ'' ซึ่งเป็นพี่น้องต่างบิดากัน

เป็น นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ ที่เดินทางเข้ามาล่าฝันเล่นฟุตบอลในกรุงเทพก่อนกับการท่าเรือ ก่อนที่ ดาวยศ ดารา จะตามมาสมทบในภายหลัง โดยเริ่มเล่นตั้งแต่ในระดับเยาวชน จนก้าวไปสู่ทีมชุดใหญ่ และกลายเป็นตำนานดาวยิงของ “สิงห์ท่าเรือ” ในเวลาต่อมา ด้วยสถิติการทำประตูกว่า 100 ลูกตลอดอาชีพค้าแข้ง

ด้านเวทีในระดับชาติ ดาวยศ ดารา เล่นในระดับเยาวชนอายุ 18 ปี, เยาวชนไทย, ทีมชาติไทยชุดใหญ่ โดยนับร่วมผลงานการทำประตูในทัพ “ช้างศึก” ดาวยศ ดารา ทำประตูไปทั้งสิ้น 28 ประตู โดยติดทำเนียบ 1 ใน 10 ยอดดาวยิงเมืองไทย และแน่นอนว่าหนึ่งในเกมที่เป็นที่จดจำที่สุดของตัวเขา และแฟนบอลในยุคนั้นไม่พ้น ในศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2522 รอบชิงชนะเลิศ ที่ทีมชาติไทยชนะทีมชาติเกาหลีใต้อย่างหวุดหวิด 1 – 0 โดยเจ้าของฉายา “เพชรฆาตรหน้าติดหนวด” เป็นคนทำประตูชัยในเกมนัดนี้

หลังแขวนสตั๊ด อดีตหัวหอกระดับตำนานของ “สิงห์ท่าเรือ” ก็ผันมารับงานคุมการท่าเรือ ที่เป็นอดีตสังกัดที่เขาค้าแข้งมาตลอดชีวิต ในระดับถ้วย ค จากนั้นสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ส่งไปอบรมศาสตร์ลูกหนังที่ประเทศบราซิล โดย 2 ปีให้หลัง ดาวยศ ดารา ตัดสินใจเดินทางไปต่อยอดความรู้ด้านงานโค้ชชั้นสูงที่เมืองกาแฟอีกครั้ง ก่อนเดินทางกลับมา จบการฝึกสอนในระดับ บี ไลเซนต์ และ เอ ไลเซนต์ ที่ประเทศไทย ในเวลาต่อมา

ดาวยศ ดารา ยังรับงานเป็นทีมงานผู้ฝึกสอนในระดับเยาวชนทีมชาติ ในยุค “อ.หรั่ง” ชาญวิทย์ ผลชีวิน หลายรายการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น เยาวชนรุ่น 15 ปี, เยาวชนรุ่น 16 ปี (ชิงแชมป์เอเชีย), เยาวชนรุ่น 17 ปี (ชิงแชมป์โลก, อียิปต์), เยาวชนรุ่น 19 ปี (ชิงแชมป์เอเชีย) ฯลฯ

กว่า 10 ปีที่ ดาวยศ ดารา ไม่ได้จับงาน เฮดโค้ช ทว่าตัวเขาก็ไม่ได้หายไปจากวงการฟุตบอลเสียทีเดียว ยังคงคลุกคลีกับการทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนในระดับฟุตบอลเยาวชน ในโอกาสต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ล่าสุดในปี 2014 ที่ผ่านมา ดาวค้างฟ้ารายนี้ก็มารับบทบาทใหม่ในตำแหน่ง แมตช์คอมมิสชั่นเนอร์ ในระดับไทยพรีเมียร์ลีก

นั่นคือทั้งหมดคร่าวๆ ทั้งสมัยที่เป็นนักเตะ และหลังจากแขวนสตั๊ดของกุนซือใหม่สมุทรปราการ สองสิงห์ เอฟซี กับการเข้ามาของกุนซือที่ห่างหายจากวงการไปนานครั้งนี้ ก็ได้หนีบเอาทีมงานมาเป็นคู่คิดด้วย 2 รายด้วยกันคือ นำโชค ชัยเจริญ และพาสกร ดารา

^{_{นำโชค ชัยเจริญ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนสมุทรปราการ สองสิงห์ เอฟซี}}

ในรายแรก นำโชค ชัยเจริญ ถือเป็นอดีตแข้งดังที่หันมาจับงานโค้ช โดยมีโปรไฟล์ที่น่าจะเข้ามาช่วยทีมได้มากพอสมควร ในสมัยค้าแข้งจัดเป็นแนวรับเบอร์ต้นๆ ของไทยในยุคนั้น รวมถึงการเป็นแข้งตัวหลักทั้งในระดับสโมสรกับการท่าเรือ และทีมชาติ

ภายหลังหันมาเอาดีด้านงานโค้ชก็ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ปัจจุบันมีดีกรี บี ไลเซนต์ ผ่านประสบการณ์ในระดับสโมสรมาหลายแห่ง ไล่ตั้งแต่ การท่าเรือ (โปรวินเชียลลีก ปี พ.ศ.2539, รองแชมป์), ผู้ฝึกสอน เจดับบลิว รังสิต ด.1, ผู้ฝึกสอน เจดับบลิว กรุ๊ป, แชมป์ถ้วย ข เลื่อนชั้นขึ้น ด.2 และล่าสุดในปีที่ผ่านมารับหน้าที่ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนให้กับ แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี ในศึกไทยลีก

ในระดับชาติเคยทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนเยาวชนหญิง 19 ปี ที่ไปชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ที่ประเทศจีน นอกจากนี้ “โค้ชนำโชค” ยังผ่านการอบรมหลักสูตรฟุตบอลในระดับเยาวชนกับอาแจ็กซ์ยอดทีมแดนกังหันลม มาแล้ว

^{_{พาศกร ดารา จะเข้ามาช่วยทีมในตำแหน่งผู้ช่วยผู้ฝึกสอน}}

ส่วนในรายของ โค้ชพาศกร ดารา ที่เป็นบุตรชายของ “อ.กอ” เองก็ผ่านการอบรมในระดับ ซี ไลเซนต์ มา ... นั่นคือทั้งหมดที่จะเข้ามาสานต่อภารกิจมุ่งสู่ รอบ ชปล. ของสมุทรปราการ สองสิงห์ เอฟซี

คงต้องรอเวลาอีกนิดที่จะ “ตอบ” ข้อคำถามว่าทีม “คิดถูก” หรือ “ไม่” กับการตัดสินใจครั้งนี้ แต่เชื่อว่าการเข้ามาของกุนซือใหม่ พร้อมทีมงานนั้น น่าจะสร้างแรงกระตุ้นใหม่ๆ ให้ทีมได้ไม่มากก็น้อย แถมด้วยการที่ทีมได้อดีตกองหน้าระดับขึ้นหิ้งมาช่วยทีมในเวลานี้กองหน้าพากันฝืดเคืองประตู ที่คงพออนุมานได้ว่าแนวรุกที่อันตรายในหน้ากระดาษของทัพ “ป้อมปราการ” อาจได้รับวิชาดีๆ ของอดีตเจ้าของฉายา “เพชรฆาตรหน้าติดหนวด” และพากันทำประตูในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล ก็เป็นได้

กับ 8 นัดที่เหลืออยู่นั้น (ในบ้าน 5 ไปเยือน 3) ที่ดูไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายนัก คงได้แต่ย้ำเตือนไปถึงกุนซือใหม่ว่า “โอกาส” ที่จะลองผิดลองถูก คงมีไม่มากนัก เมื่อทีมได้ใช้โควตาในความ “ผิดพลาด” ที่มีไปแทบทั้งหมดแล้ว และสำคัญที่สุดการเปิดตัวในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้เป้าหมายที่ทีมแกร่งเมืองปากน้ำต้องการคือ 3 แต้ม อย่างแท้จริง

แน่หล่ะทุกข้อคำถามในใจใครหลายคนยังคงทำงานตามกลไกของมัน แต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ในเกมการแข่งขันนั่นแหละที่จะเป็นคำตอบ แล้วอีก 2 เดือนนับจากนี้ เราจะรู้คำตอบต่างๆ ไปพร้อมๆ กัน