“ป้อมปราการ” ทำได้ไหม?

สถิติย้ำเตือนเราเสมอว่าหากทีมไหนจะก้าวไปเล่นในรอบแชมเปี้ยนส์ลีก ต้องเก็บคะแนนได้ต่อนัดราวๆ 2 แต้ม กล่าวคือไม่แพ้เกิน 5 นัด และเสมอได้อีกเพียงเล็กน้อยจึงจะมีโอกาสในการคว้าตั๋วสู่รอบมินิลีกเพื่อขับเคี่ยวสู่การเลื่อนชั้นสู่รอบ ด.1 ต่อไป

ในโซนภาคกลาง และตะวันออก 5 ปีที่ผ่านมาชัดเจนว่า มีเพียงทีมเดียว เท่านั้นที่แพ้ถึง 5 นัด แล้วได้ไปต่อในรอบ ชปล. เกิดขึ้นในปี 2010 เป็นสระบุรี ที่ทำได้ และดีพอที่จะก้าวข้ามเปลี่ยนผ่านสถานะเป็นทีมในลีกพระรอง
นอกนั้นทีมที่ได้เป็นรอบ ชปล. ที่เหลือล้วนเก็บคะแนนได้เป็นกอบเป็นกำ จะหลุดฟอร์มแพ้ ก็ไม่ถึง 5 นัดเลยสักทีม

ตัดภาพกลับมา ณ ปัจจุบัน พูดถึงความเป็นไปได้ของ “ป้อมปราการ” สมุทรปราการเอฟซี ทีมคุณปู่ ด.2 ที่เคยหยิบแชมป์โซนในปี 2009 มาครองได้ พร้อมคว้าสิทธิไปเล่นมินิลีก 2 ปีติด (2009-2010)

ที่ในปีนี้หวังเหลือเกินที่จะกลับไปร่วมสังฆกรรมในรอบ ชปล. อีก แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันยังจมอยู่โซนท้ายตาราง หลุดเสมอ กับ แพ้ ไปแล้วอย่างละ 3 หน หลังผ่านเกมไปแค่ 7 นัดเท่านั้น เรียกว่าออกซองแย่ที่สุดของสโมสรฯ ก็คงจะกล่าวไม่เกินจริงไปนัก

แน่นอนว่าแม้จะยาก แต่ความเป็นไปได้ยังพอมี หากมองในแง่ดี ประเภทพวกโลกสวย มองผลงานในช่วง 100 เมตรสุดท้ายก่อนหยุดเสริมทัพรอบ 2

กับเส้นทางในอีก 6 นัดที่เหลือในเลกแรก หากเราสามารถพลิกฟอร์มมาเก็บคะแนนเป็นกอบเป็นกำ ให้หลุดเสมอเพียง 2 นัดเท่ากับว่าจบเลกแรกเราจะมีคะแนน เราจะมี 20 คะแนนพอดิบพอดี เชื่อว่าคะแนนขนาดนี้น่าจะเพียงพอให้รั้งอยู่ประมาณกลางตาราง ไปจนถึงค่อนบนตารางคะแนน ได้อย่างไม่เป็นปัญหา

แต่พอไล่มองโปรแกรมที่เหลือ 6 นัดที่เราจะต้องพบเจอกับ ทีจี ระยอง (ห), พานทอง เอฟซี (ย), นครนายก เอฟซี (ห), จันทบุรี เอฟซี (ย), ลูกอีสาน เอฟซี (ห), ปทุมธานี ยูไนเต็ด (ย) มองๆ ดู ก็เรียกได้ว่าเรายังต้องเหนื่อยอีกมากมายนัก หากว่าเรายังร่ายฟอร์มได้แค่เพียงครึ่งเลกแรกที่ผ่านมา

แม้ยังเชื่อลึกๆ ว่าคุณภาพของเหล่าพ่อค้าแข้ง “ป้อมปราการ” ในปีนี้ยังคงไม่ “แก่เกินแกง” และด้วยประสบการณ์ผู้เล่นระดับหัวกะทิน่าจะยังดีพอที่จะเอาตัวรอดในลีกรากหญ้าได้แน่

แต่จะดีพอที่จะไม่แพ้ทีมไหนเลยใน 6 นัดถัดจากนี้ ยังคงยากที่จะให้คำตอบ เพราะต้องไม่ลืมว่าด้วยปัจจัยรอบด้าน บวกกับฟอร์มแต่ละทีมที่ต้องพบเจอ ก็อาจทำให้ “ป้อมปราการ” หลุดวงโคจรแต่เนินๆ ได้เหมือนกัน

ทุกอย่างที่กล่าวมานี้คงต้องหวัง “ป๋าตุ้ย” พ.ต.ท.ดร.วีระพล วงษ์สาตรสาย กุนซือใหญ่, ทีมงานสต๊าฟ และนักเตะทุกคน ให้เดินหน้าฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน
ด้วยหวังว่าศรัทธาจากแฟนบอลยังไม่หมด และยังคงเชื่อว่าทีมจะ “กลับมาได้” ในเวลาที่เหลือ เชื่อเถอะว่าไม่มีใครอยากผิดหวัง ผมเองก็เช่นกัน

งั้นมาเริ่มกันที่สัปดาห์หน้าเลยดีกว่า สำหรับ 3 แต้มเต็มนัดที่ 2 ติดต่อกัน เรียกความมั่นใจให้เต็มที่ ทุกอย่างยังเป็นไปได้เพราะผู้ตัดสินยังไม่เป่านกหวีดยาวหมดเวลาการแข่งขัน ฟุตบอลลูกกลมๆ อะไรๆ ก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้

“ป๋าครับ เราอยากไป ชปล. จริงๆ”