8 ปียังมีต่อ...สมุทรปราการเอฟซี

ยังอยู่ในบรรยากาศแห่งความโศกเศร้าของปวงชนชาวไทย แม้เป็นเรื่องยากที่จะทำใจ แต่ทุกหน้าที่ก็ยังต้องดำเนินต่อไป ....

สถานการณ์ปัจจุบันลีกฟุตบอลภายในประเทศไทย ได้ยุติการแข่งขันลงอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความเห็นแตกต่าง ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย กับมติที่ออกมาในครั้งนี้ หลายๆ ทีม หลายๆ ชีวิต ต้องผิดหวัง ต้องได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ

เช่นกันกับอีกหลายๆ ทีมในระดับ ดิวิชั่น 2 อีกเกินกว่าครึ่งรอท่าทีของสมาคมฯ ชุดนี้ว่าจะออกมาชัดเจนแค่ไหน และทิศทางอย่างไร โดยเฉพาะกับเรื่องงบสนับสนุน ที่อาจส่งผลให้คนทำทีมในลีกที่กำลังจะถูกเมินกว่าครึ่งค่อน อาจตัดใจพักทีม หรือยุบทีม อีกหลายต่อหลายทีม

ซึ่งทุกๆ การตัดสินใจข้างต้นนั้น ไม่เป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาแฟนฟุตบอลเท่าไหร่นัก แต่หากมองจากมุมคนทำทีมฟุตบอลบ้างแล้ว บางทีก็น่าเห็นใจพวกเขาไม่มากก็น้อยเช่นกัน...

แล้วทางรอดของฟุตบอลดิวิชั่น 2 อยู่ตรงไหน และทิศทางพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป เชื่อว่าทุกคนทำทีมพยายามหาทางออก เพื่อให้ได้ทำทีมที่รักต่อไป

เฉกเช่นเรื่องราวของ “ป้อมปราการ” สมุทรปราการ เอฟซี สโมสรฟุตบอลเล็กๆ ที่ปรับตัวฝ่าวิกฤติมาแล้วหลายครั้งหลายครา ตลอดระยะ 8 ปีที่โลดแล่นบนลีกดิวิชั่น 2 ปัจจุบันรายได้ที่หล่อเลี้ยงสโมสรฟุตบอล (เฉพาะในลีกดิวิชั่น 2) มีข้อหลักๆ คือ สมาคมฯ, ผู้สนับสนุน, บัตรผ่านประตูในเกมนัดเหย้า, ของที่ระลึก โดยปัจจัยข้างต้นแต่ละสโมสรฯ ได้มากน้อยแตกต่างกันไป ตามแรงสนับสนุน และกระแสฟุตบอลในจังหวัดนั้นๆ 

ซึ่งในฤดูกาล 2016 ที่ผ่านมา สมุทรปราการ เอฟซี ไร้ซึ่งผู้สนับสนุนหลัก เหตุเพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันเป็นสำคัญ ทำให้เงินสนับสนุนตรงจุดนี้เป็นอันตกไป

เช่นกันกับในเรื่องบัตรผ่านประตูในเกมนัดเหย้า และการจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกสโมสรฯ “ป้อมปราการ” ก็ต้องแบกเลขตัวแดงอีกมากมาย ไม่ต้องมองไกลเอาแค่สถิติเข้าชมเกมสูงสุดตลอดปีที่ผ่านมาถูกบันทึกไว้ที่ 700 คนเศษจากความจุ 3,000-4,000 ที่นั่งของ กกท.บางพลี และสถิติจากนั้นไม่ได้เฉียดใกล้ตัวเลขดังกล่าวอีกเลย ก็พอบอกได้ว่าสถานการณ์ในเรื่องรายรับดีมากน้อยแค่ไหนอย่างไร และเชื่อว่าแฟนบอลส่วนใหญ่คงพุ่งเป้าไปที่การประชาสัมพันธ์ที่ไม่มากพอ รวมถึงผลงานที่ไม่เข้าเป้า ตามระเบียบ...

แตกต่างจากรายจ่ายที่สโมสรฯ ต้องแบกรับที่มีมากมาย อาทิ สตาฟฟ์โค้ช, นักกีฬา, ค่าใช้จ่ายในการจัดการแข่งขัน , ค่าเบ็ดเตล็ด เช่น ค่าปรับใบเหลือง-แดง ฯลฯ แม้ไม่มีสถิติบันทึกไว้ แต่ต้องชื่นชมการบริหารงานของสโมสรฟุตบอลบ้านเราที่ทำได้ดีในข้อแรก เพราะ สมุทรปราการ เอฟซี ในฤดูกาล 2016 เป็นทีมที่ใช้งบทำทีมน้อยมาก เมื่อเทียบกับทีมอื่นๆ

อย่างไรก็ตามในเรื่องของการจัดการแข่งขันนั้น ทีมติดลบอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อ สโมสรฯ มีค่าใช้จ่ายรอบด้าน ทั้งค่าสนามซ้อม, สนามแข่ง, เจ้าหน้าที่ต่างๆ, ค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ สวนทางกับฐานแฟนบอลที่เข้าชมเกมการแข่งขัน เมื่อมารวมกับค่าปรับใบเหลือง-แดง ที่ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา 81 ใบ แค่ค่าปรับตรงนี้ก็ทำเอาคนทำทีมไม่น้อยกระอักได้เหมือนกัน

นั้นส่งผลให้ในเรื่องรายรับ รายจ่าย สมุทรปราการ เอฟซี ที่แม้จะพยายามเซฟค่าใช้จ่ายได้ดีในหลายด้าน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายังมีตัวเลขแดงอยู่มาก เมื่อผู้สนับสนุนไม่เข้า แต่ภาระค่าใช้จ่ายยังเท่าเดิม ส่งผลให้คนทำทีมต้องหาธุรกิจกีฬาอื่นๆ ในการพยุงสถานภาพการเงินของสโมสรฯ

เพราะการทำทีมฟุตบอลสักทีมไม่ใช่เรื่องง่าย ต้ององค์ประกอบทั้งภายใน ภายนอก ล้วนมีปัจจัยส่งผลถึงกันทั้งหมด และทุกอย่างที่กล่าวมานั้นยังต้องอาศัย “เม็ดเงิน” ที่มากพอ ในการขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดี และก็เพราะข้อจำกัดตรงนี้ทำให้บางครั้ง บางที ผลงานในสนามก็ไม่ได้ออกมาตามที่คาดหวังเอาไว้

คงต้องวัดใจ คนทำทีม และประธานสโมสรฯ “บิ๊กเผือก” พีรพัฒน์ ถานิตย์ ว่าจะทนต่อสถานการณ์ดังกล่าวได้อีกกี่มากน้อย ดังจะเห็นว่าหลายๆ ทีม หลายๆ นายทุนหลายๆ ราย ต่างทยอยล้มเลิกความตั้งใจในการทำทีมฟุตบอลไปตามๆ กัน

อย่างที่ทราบกันว่า จนปัจจุบัน สมุทรปราการ เอฟซี ใช้สนามเหย้ามาแล้วทั้งสิ้น 10 แห่งด้วยกัน เชื่อว่านี่คือสถิติเบอร์ต้นๆ ของวงการลูกหนังไทย ซึ่งแต่ละสนามล้วนมีเรื่องราว และที่มาที่ไป ในการให้ทีมต้องจรลีออกจากถิ่นนั้นๆ แตกต่างกันไป แต่เชื่อเถอะว่าทุกๆ การตัดสินใจ ล้วนเกิดจากการไตร่ตรองอย่างดีที่สุด และเพื่อผลประโยชน์ที่สุดของสโมสรฯ

ณ ปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่า สนาม กกท.บางพลี คือสนามฟุตบอลที่ดีพร้อมที่สุดในจังหวัดสมุทรปราการ อย่างไร้ข้อสงสัย แต่เชื่อว่าอาจเป็นคำตอบที่อาจไม่ตรงใจแฟนฟุตบอลบางท่านนัก แต่อย่าลืมว่า ณ ปัจจุบันสโมสรฯ อาชีพ จำต้องขับเคลื่อนกลไกต่างๆ ตามเกณฑ์ของคลับไลเซนซิ่ง เป็นสำคัญ และนั้นคือเหตุผลว่าทำไม สโมสรฯ จึงยอมขาดทุนทุกนัดเพื่อการย้ายมาเตะ ณ สนามแห่งนี้

แต่จากข่าวล่าสุดที่ ซุปเปอร์พาวเวอร์ สมุทรปราการ เลือกย้ายฐานจากสมุทรปราการ สู่ สมุทรสาคร นั้น ก็ย่อมก่อให้เกิดคำถามในใจของแฟนบอลหลายๆ ท่านว่า จะเกิดผลกระทบอย่างไรต่อ “ป้อมปราการ” แน่นอนว่าเกิดแน่ แต่จากที่ได้พูดคุยกับท่านประธานสโมสรฯ ท่านยังยืนยันขอใช้สนามระดับมาตรฐานแห่งนี้ต่อไปในปีหน้า ด้วยหวังว่าแฟนคลับจะเข้ามาร่วมสร้างวัฒนธรรมการเชียร์กันแบบล้นหลาม ชนิดที่ไม่ได้เห็นกันมานานอีกครั้ง เพราะนี่คือฐานที่มั่นที่ดีที่สุดในการก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคต

ทิศทางลีก และสมุทรปราการ เอฟซี ในปีหน้าจะเพิ่มลีก แชมเปี้ยนส์ชิพ ขึ้นมาเป็นลีกลำดับที่ 3 ของประเทศรองจาก ไทยลีก และ ดิวิชั่น 1 ซึ่งเป็นลีกที่ดูไฉไลขึ้น น่าสนใจขึ้นแบบปฏิเสธไม่ได้ และนั่นส่งผลกระทบเต็มๆ ต่อลีกดิวิชั่น 2 ที่อาจกลายเป็นลีกที่ถูกหมางเมินได้ไม่ยากในเวลาอันสั้น และที่จะตามมานั่นคือ งบประมาณน้อยลง คนสนใจน้อยลง ผู้สนับสนุนน้อยลง และอย่างที่ทราบ โดยในเบื้องต้นมีกระแสข่าวออกมาว่าลีกดิวิชั่น 2 ในปีหน้าได้ทำการลดเหลือเพียง 6 โซน และมีนโยบายเป็นลีกสำรองของพวกบรรดาขาใหญ่ในไทยลีก นั่นจะส่งผลให้มีการเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาสมาชิกร่วมลีกไปบางส่วนด้วย

อย่างไรก็ดีช่วงรอยต่อฤดูกาล ยังมีเรื่องให้ชวนยินดีอยู่บ้าง เมื่อผู้ใหญ่ในจังหวัดยังไม่ทิ้ง เช่นกันกับการที่ได้ผู้บริหารเก่งๆ ที่เป็นคนสมุทรปราการแท้ๆ เข้ามาร่วมช่วยสนับสนุนทีม ก็พอเป็นแรงบวกดีๆ ให้กับทีมในปีต่อไปได้ไม่น้อย ก็เหลืออยู่แค่ที่ว่า คนในจังหวัดสมุทรปราการ จะร่วมด้วยช่วยกันมากน้อยแค่ไหน ในการผลักดันสโมสรฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงมากยิ่งขึ้น

เพราะเราคือความภาคภูมิใจของจังหวัดสมุทรปราการ นี่คงเป็นสโมสรอาชีพแห่งเดียวในจังหวัดสมุทรปราการที่ยืนหยัดนับตั้งแต่เกิดลีกอาชีพเมื่อปี 2009 แม้จะเป็นเพียงทีมเล็กๆ ในสมรภูมิลีกอาชีพ ที่อาจยังไม่ได้ไปไกลเกินกว่าจุดเริ่มต้นมากนัก แต่ทุกๆ ปี สโมสรฯ แห่งนี้ก็พยายาม ยกระดับ และปรับตัว เพื่อสู้กับสถานการณ์ ณ ปัจจุบันนั้นๆ ให้ได้ดีที่สุด ให้ได้มาตรฐานมากที่สุด

ขวบปีข้างหน้าไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่สโมสรฯ และคนทำทีมฟุตบอลอยากเห็นคือ การเปิดใจยอมรับของทุกคนต่อสโมสรเล็กๆ แห่งนี้กันมากขึ้น ร่วมกันเป็นพลังให้กับทีมฟุตบอลบ้านเกิดกันมากขึ้น ร่วมกันสร้างวัฒนธรรมการเชียร์ให้ลือลั่นไปทั่วทั้งวงการ ให้ภาพบรรยากาศการเชียร์ของคลื่นฟ้า-ขาว เกิดขึ้นอีกครั้ง คงขึ้นอยู่กับพี่น้องชาวสมุทรปราการ ทุกคนว่าพร้อมที่จะเป็นหนึ่งในพลังบริสุทธิ์ให้กับสโมสรฟุตบอลประจำจังหวัดของท่านหรือไม่

ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา สมุทรปราการ เอฟซี เคยทั้งเฉียดใกล้ต่อการเลื่อนชั้น และตกต่ำลงถึงขั้นอาจไม่มีทีมร่วมแข่งขัน อีกอึดใจเดียวก็จะก้าวสู่ปีที่ 9 แล้ว คำถามคือถึงเวลาแล้วหรือยังที่ทุกคนจะร่วมด้วยช่วยกัน ร่วมกันสร้างความภาคภูมิใจไปด้วยกัน สร้างวัฒนธรรมการเชียร์ไปด้วยกัน เพราะเมื่อถึงเวลาที่ทั้งสนามเต็มไปด้วยสีฟ้า-ขาว แล้วเชื่อมั่นเหลือเกินว่านั่นคือสัญญาณที่จะนำพาเราไปสู่ลีกที่สูงขึ้นกว่านี้ได้เสียที