ทำลายกำแพงดาวซัลโว?

นับตั้งแต่ปี 2009 จวบจนปัจจุบันท็อปสกอร์สูงสุดตลอดกาลของ สมุทรปราการ เอฟซี ยังคงเป็นสถิติที่เกิดขึ้นนับแต่ปีแรกที่ทีมลงแข่งขันในลีกดิวิชั่น 2 เขาคนนั้นคือจียัมฟี่ เอดู ผู้สร้างปรากฎการณ์ กดไป 18 ประตู กับอีก 12 แอสซิสต์ นำโด่งเป็นท็อปสกอร์ของสโมสรฯ จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครทุบทำลายโคตรสถิติดังกล่าวลงได้ คล้ายว่าจะเป็นอาถรรพ์เล็กๆ เมื่อกองหน้าระดับพระกาฬที่แวะเวียนมาสวมเสื้อฟ้า-ขาว กว่าครึ่งค่อนนั้น ไม่เคยเฉียดใกล้สถิติดังกล่าว หนักข้อกว่านั้นคือล้มเหลวแบบไม่เป็นท่ามานักต่อนัก

เพราะการทำประตูคือกุญแจสู่ความสำเร็จในเกมฟุตบอล ดังจะเห็นได้ว่า สถิติระบุว่าหากปีนั่นๆ มีดาวเตะงัดฟอร์มเก่ง ยิงเกินกว่า 10 ประตูขึ้นไปได้สำเร็จแล้ว ทีมจะก้าวไปสู่พื้นที่ ชปล. ได้ตามเป้า อย่างในปี 2009 ที่ทีมคว้าแชมป์แรก และแชมป์เดียวได้นั้น เอดู ผู้เป็นตำนานทั้งยิงทั้งจ่ายรวม 30 ประตู บวกกับรองดาวยิง ที่ ณ เวลานั้นยังพีกสุดอย่าง วุฒิชัย ถิ่นทวี ก็ช่วยยิงไป 10 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์

ปี 2010 สมุทรปราการ ยังคงรักษามาตรฐานในระดับสูงไว้ได้ จบฤดูกาลในอันดับที่ 2 โดยมีกุญแจสำคัญอย่าง อามัวห์ ไอแซค ที่กดไป 17 ประตู กับอีก 10 แอสซิสต์ และที่ตามมาติดๆ ในอันดับท็อปสกอร์คือ “เดอะ มัส” ชมนันท์ สุขเกษม ที่ทำไป 14 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ โดยหัวหอกร่างยักษ์ดีกรีเยาวชนทีมชาติ ยังเป็นกองหน้าสายพันธ์ไทย คนแรก และคนเดียวที่ยิงเกินกว่า 10 ประตูใน 1 ฤดูกาลกับ “ป้อมปราการ” และนั่นคือปีสุดท้ายที่ทีม “มี” ตัวจบสกอร์ฟอร์มร้อนอยู่กับทีม

เพราะหลังจากนั้นนับแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ทีมต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างออกไป “สถานะ” ที่เปลี่ยนไป จากเดิม และนั่นสะท้อนกลับมาในรูปแบบของผลงานนักกีฬา โดยเฉพาะในตำแหน่งกองหน้า ที่แม้ในปีที่ 3 ของทีมในลีกดิวิชั่น 2 อาจไม่ดูย่ำแย่อะไรนัก แต่ 7 ประตูจาก อุสมาน เชอรีฟ บวกกับฟอร์มที่ดร็อปไปครึ่งหนึ่งของ อามัวห์ ไอแซค ก็ไม่เพียงพอให้ทีมจบในพื้นที่ ชปล. อีกต่อไป

แล้วทีมก็ก้าวสู่ยุคใหม่ เป้าหมายใหม่ ภายใต้การทำทีมของ “เดอะดั๊ก” พงษ์สิริ ยะกัณฐะ ที่เพิ่งสลัดคราบปราการหลังกัปตันทีม สู่เฮดโค้ช ในปีนั้น ทีมจบในอันดับเลข 2 ตัวเป็นหนแรก ในหน้าประวัติศาสตร์ ด้วยงบประมาณที่จำกัด ส่งผลให้แข้งต่างชาติไม่แจ้งเกิดในปีนี้ กลับกลายเป็น หัวหอกร่างบางอย่าง พัฒนากรณ์ ทรายแก้ว ที่ก้าวขึ้นมาเป็นท็อปสกอร์สูงสุดของทีม โดยทำไป 8 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ นับเป็นปีแรก และปีเดียวที่ดาวยิงประจำฤดูกาล ตกเป็นของผู้เล่นสัญชาติไทย

ปี 2013 แม้อันดับบนตารางคะแนนอาจไม่เลวร้ายที่สุด แต่นี่นับเป็นขวบปีที่เลวร้ายที่สุดในแง่เกมเอนเตอร์เทน เมื่อ สมุทรปราการ เอฟซี ลงสนามในลีกทั้งสิ้น 26 นัดยิงได้เพียง 20 ประตู ค่าเฉลี่ยไม่ถึงประตูต่อนัด ก็ไม่น่าแปลกใจที่ดาวยิงสูงสุดจะยิงช่วยทีมไปแบบจุ๋มจิ๋มเพียง 3 ประตู ซึ่งเป็นสถิติน้อยที่สุดต่อฤดูกาลของสโมสรฯ แห่งนี้

ก้าวสู่อีกขวบปีสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์สโมสรฯ เมื่อทีมสลัดคราบทีมในครึ่งล่างของตารางคะแนน กลับมาจบในอันดับเลขตัวเดียวอีกครั้ง และในปีนี้ ไบร์ท เอบูซอร์ แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว แม้ไม่อาจทำสถิติยิงเกิน 10 ประตูได้ แต่การกดไป 10 ประตูจากการลงสนามเพียง 1 เลก ก้าวจากผู้สอนอะคาเดมี่ สู่ดาวยิงสูงสุดของทีม ก็นับเป็นเหตุการณ์ที่ชวนจดจำไม่น้อย

ปี 2015 เป็นยุคที่ทีมจับจ่าย พ่อค้าแข้งนามกระเดื่องเข้าทีมอย่างคึกคัก และเชื่อว่าแฟนฟุตบอลชาวสมุทรปราการ หลายๆ ท่านยังคงจดจำได้ดี เมื่อทีมกวาดต้อนเอาบรรดาศูนย์หน้าดาวยิงจากทั่วสารทิศสู่ทีม แน่นอนว่าเป้าหมายคือ ชปล. ทว่าผลงานของพื้นที่ในแนวรุกผิดไปจากที่ตั้งหวัง แม้สุดท้ายทีมจะเข็นตัวจบที่ 3 แบบลุ้นจนนัดท้าย ทว่ามีเพียง แฟรงค์ เรโน่ ผู้ทำ 9 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ ที่ถูกจดจำในฐานะหัวหอกตัวความหวัง ส่วนที่เหลือแล้วนั้นล้วนต่างเอาชื่อมาทิ้งในถิ่นแหลมฟ้าผ่า

และก็เข้าสู่ฤดูกาลปัจจุบัน “ป้อมปราการ” สมุทรปราการ เอฟซี ที่อยู่ในยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ด ก็กำลังเดินในแนวทางที่ถูกที่ต้อง แม้ผลงานอาจยังลุ่มๆ ดอนๆ ไปบ้างในบางเกมการแข่งขัน ทว่าเด็กๆ ภายใต้การทำทีมของ “โค้ชตือ” สัญญา ศิริ ที่ก่อนออกสตาร์ทฤดูกาลใครหลายคนอาจปรามาศว่าขี้เหร่ที่สุด กลับยังคงปักหลักในโซนบนได้แบบไม่เคอะเขิน หลายคนต่างหยิบฉวยโอกาสบนเส้นทางลูกหนังได้แบบน่าประทับใจ

ใครจะเชื่อว่า “กาบี้” กาเบรียล มินตา ที่ไม่เคยพกประสบการณ์ค้าแข้งในไทยมาก่อน จะออกซองได้ดีขนาดนี้ กลายเป็นขวัญใจของสาวกปราการ แทบจะทันทีทันใด แม้ในเรื่องของความสม่ำเสมออาจยังมีคำถามสำหรับกองหน้าความเร็วสูงรายนี้

ไม่แตกต่างจาก พรชัย พูลผล กองหน้าชาวสมุทรปราการ ที่ทะลุปล้องจากทีมนอกลีก สู่การเป็นดาวยิงคนสำคัญของทีม, ฮามีรูล เจ๊ะอาแซ แข้งสารพัดประโยชน์จากแดนใต้ ที่ยังคงทำประตูช่วยทีมได้แบบน่าประทับใจ หรือจะเป็นพวกแข้งหลักที่ยึดพื้นที่ 11 ตัวแรกได้แบบต่อเนื่อง อาทิ อานนท์ ขอสืบ, มานะศักดิ์ ใจทน, กฤษณพงศ์ ชุมมวล, กฤษดา สมวาจา, กฤษฎา อุปแก้ว, วีระยุทธ แจ่มเจริญ ฯลฯ ที่กล่าวมาทั้งหมดทั้งสิ้นนับเป็นปรากฎการณ์ เพราะนี่คือ “ครั้งแรก” ในลีกอาชีพของพวกเขาทุกคน

แม้ปีนี้ทีมยังคงไม่โดดเด่นในเรื่องการทำประตู เฉกเช่นในหลายปีหลัง ทว่าก็มีเพียง 3 นัดที่ทีมมิอาจพังประตูคู่แข่งได้ โดยขณะที่กำลังนั่งขีดๆ เขียนๆ นี้ สถิติระบุว่า พรชัย พูลผล ผู้มีงานหลักเป็นครูพละ คือท็อปสกอร์สูงสุดของทีมที่ 5 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์ ตามมาด้วย ฮามีรูล เจ๊ะอาแซ ที่ไม่ได้เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้า ทำไป 5 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ และ กาเบรียล มินตา ที่แม้ยิงไปเพียง 2 ประตู แต่จำนวนแอสซิสต์กลับสูงลิ่วที่ 5 ครั้งด้วยกัน

กับโปรแกรมอีก 9 นัดที่เหลือ คงเป็นการขับเคี่ยวตำแหน่งท็อปสกอร์สูงสุดในปีนี้ของพวกเขาทั้ง 3 คน แม้ในเลก 2 “โค้ชตือ” สัญญา ศิริ จะเสริมตัวต่างชาติเข้ามาเพิ่มศักยภาพในแนวรุกทั้ง ดาเนี่ยล โอมาโบ้ และ ซิลล่า โอมาห์ เฟอร์นันเดซ เข้ามาผนึกกำลังกับ กาเบรียล มินตา มิพักเอ่ยถึงแข้งยืมอย่าง ชัยพัฒน์ เชื่อมศรีจันทร์ อาจทำให้การแข่งขันในพื้นที่ในแดนหน้าทีมสูงขึ้น และอาจมีผลต่อบางรายที่ต้องถูกลดบทบาทลงจากตำแหน่ง “ตัวจริง” ลงไป

เพราะการทำประตูคือกุญแจสู่ความสำเร็จในเกมฟุตบอล ตัวแปลสำคัญต่อผลงานทีมจึงต้องฝากไว้กับบรรดาตัวรุกของทีม คงต้องรอลุ้น และติดตามกันว่าพวกเขาเหล่านี้ยังคงรักษาผลงานการทำประตูได้ดีมากน้อยแค่ไหน กับช่องว่าง 5 แต้มสู่รอบ ชปล. ที่ทุกอย่างยังคงเปิดกว้าง หากสักคนที่กล่าวมานี้ยังคงรักษาผลงานทำประตูได้ต่อเนื่องและทำลายสถิติยิงเกินกว่า 10 ประตูต่อฤดูกาลได้สำเร็จ ก็เป็นไปได้เหลือเกินว่าปีนี้จะมีชื่อ สมุทรปราการ เอฟซี ในรอบ ชปช. เป็นอย่างน้อย ซึ่งก็คงไม่น่าแปลกอะไร