ผ้าขี้ริ้วห่อบอล

อย่างที่เราๆ ทราบกันดีนะครับ ว่าผลฟุตบอลในนัดที่ 5 ที่ “ป้อมปราการ” สมุทรปราการเอฟซี บุกไปเยือน เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เอ๊ย!!! นครนายก เอฟซี ผลออกมาถือว่าน่าผิดหวังไม่น้อย เมื่อสมุทรปราการเอฟซี ไม่สามารถหยิบแต้มกลับถิ่นได้แม้แต่แต้มเดียว แต่หากใครไม่ได้เข้าชมเกม ผมก็จะขอฉายเกมผ่านตัวหนังสือเหล่านี้ให้ท่านที่ไม่ได้ไปชมถึงขอบสนามได้ทราบกัน ในส่วนใครที่ไปชมถึงสนาม ก็ย้ำกันอีกหนว่าสิ่งที่เกิดมันทำให้เราขึ้น นิดๆ จริงๆ

มาเริ่มกันเลยดีกว่าสำหรับการแข่งขันในคู่นี้ถือเป็นการพบกันแบบถูกที่ ถูกเวลา ไม่น้อย เมื่อทั้งสองทีมยังไม่พบพานกับความพ่ายแพ้ให้ใครทั้งคู่ โดยในพื้นที่นี้ขอเรียก “นักรบขุนด่านขี่กิเลน” ว่า เมืองทองบี นำจ่าฝูง โดยคว้าชัยรวดอย่างที่เราๆ ท่านๆ ทราบกัน
 

ด้านฝั่งทีมเยือน ฟ้า – ขาว พึ่งเจอข่าวเศร้าเมื่อ คุณพ่อ “โค้ชเป็ด” มาเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน อีกทั้งแข้งหลักยังมานัดกันเจ็บ แต่ทีม ‘ป้อมปราการ” ก็ยังถือเป็นอีกทีมที่แม้ไม่ได้เก็บชัยรวด แต่ก็ไม่แพ้ใคร พร้อมทั้งยังเป็นทีมเดียวในลีก ณ เวลานั้นที่ไม่เสียประตูให้ใคร (สำหรับในส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้เล่น ทางผมจะไปแจกแจงอีกทีในเนื้อข่าวแมตช์การแข่งขัน)มาเข้าสู่ช่วงฟาดแข้งกันเลยดีกว่า

เริ่มการแข่งขันท่ามกลางอากาศร้อนอุบาทว์ เกมทั้ง 2 ทีมแม้โดยชื่อชั้นตัวผู้เล่น จะเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านเมืองทองบี ที่ครองเกมได้เหนือกว่า ตามแท็คติก ของเกมที่ถูกวางเอาไว้ โดยแน่นอนว่าจ่าฝูงที่ศักดินาเหนือกว่า ทำเกมเข้าใส่ได้มากกว่า แต่ถ้าให้หาจังหวะจังๆ ที่มีลุ้นถึงขั้นได้เสียประตู คงต้องเรียนท่านผู้อ่านตามตรง แบบไม่โอนเอียงว่า ไม่มีเลยจริงๆ

จบครึ่งแรกไปแบบไม่มีสกอร์พร้อมความหวังอันเรืองรองของพี่น้องป้อมปราการ ที่มั่นใจว่านัดนี้มีของสมนาคุณกลับถิ่นแน่นอน

แต่แล้วเหตุการณ์ที่เกินกว่า 11 ผู้เล่นในสนามบวกสตาร์ฟโค้ช ทีมงาน และแฟนบอลจะควบคุม และคาดคิด ก็มาเกิดขึ้นในครึ่งเวลาหลังจนได้ เมื่อผู้ตัดสินระดับไทยพรีเมียร์ลีกคุณภาพบัดซบ ผู้มีความสามารถในการทำให้แฟนป้อมปราการ อุทานพร้อมๆ กันด้วยเสียงอันดังว่า เฟ็ดเฟ่ เมื่อตุลาการสนามท่านนี้ จัดการมอบของขวัญผูกโบว์แดงให้กับสาวกเมืองทองบีได้ฉลองในช่วงต้นครึ่งหลัง
 

ผมขออนุญาตเล่าอย่างละเอียดอีกครั้งในจังหวะ ที่ว่านั้นอีกครั้ง ในจังหวะนั้นเกิดขึ้นในนาทีที่ 55 เมื่อทางเมืองทองบี ได้ทุ่มจากด้านซ้าย ใกล้กรอบโทษ เป็น รับนิค ปราการหลังชาวสโลวีเนีย จัดการรับบอลจากทีมงาน เมืองทองที่เดินเตร็ดเตร่ออกจากเขตเทคนิค แบบกูอยากทำไรก็ทำ อย่างสบายอารมณ์ มาเช็ดบอลด้วยผ้าขี้ริ้วที่คัดสรรมาอย่างดี พร้อมโยนกลับไปให้แข้งต่างชาติพร้อมทุ่มแบบไม่มีลื้น ซึ่งตรงนี้คงต้องขอตั้งคำถามหน่อยว่าเหตุการณ์อย่างนี้เกิดได้อย่างไร เมื่อทีมงานสตาร์ฟอยากเดินมาเช็ดบอลให้ ก็เดินยิ้มกริ่มมาแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่มีคำเตือนจากผู้ตัดสินใดๆ อย่างนั้นหรือ ซึ่งจังหวะอย่างนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก แต่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากผู้ตัดสินระดับไทยพรีเมียร์ลีกผู้นั้น รวมถึงทีมงานทั้งชุดที่ไม่หือ ไม่อือ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเช่นกัน ซึ่งผมมองว่าถ้าฝั่งนั้นมีที่สูบลม พร้อมบอลใหม่ แม่งก็คงสูบใหม่แบบลูกๆ ลูก กันไปเลย

ซึ่งแค่นั้นยังพอรับได้แต่นี่คืออะไร เมื่อจังหวะที่ทุมเข้ามาก็เห็นชัดเจนมากๆ ขนาดเด็กพึ่งดูบอลก็รู้ว่าใครกระแทกใคร เมื่อ ธวัช ออกว่า หวังคว้าบอล แต่ คานูเต้ อิบราฮิม กองหน้าร่างใหญ่ โถมมากระแทกอย่างจัง จนโกลปราการถึงกับหงายตึง บอลกระดอนออกมา แล้วสุดท้ายก็เป็น วีรวัฒน์ จิรภัคสิริ ยิงสวนไป ซึ่งแวบแรก ผมเห็นกรรมการโบกมือเหมือนปฎิเสธ การให้ประตูนั้น แต่ความจริงแล้ว ท่านกรรมการท่านนั้นไม่ถามไลน์แมนหรือผู้ตัดสินซักคำ พร้อมความหมายของการโบกไม้โบกมือว่า ไม่ปฎิเสธว่าจะไม่ให้ประตู พร้อมมอบประตูให้แก่ฝั่งเมืองทอง บี ในแบบที่ชวนสงสัยคล้ายจะมีพลังงานอะไรบางอย่างอยู่บนอัฒจรรย์ด้านหน้าบล๊อก วีไอพี ก็เป็นได้....

ทั้งๆที่เราๆ ท่านๆ ก็รู้กันอยู่ไม่ต้องถึงขนาดไปสอบเป็นกรรมการอะไรให้เมื่อยเมื่อในกรอบ 6 หลา เป็นกรอบที่มีเอาไว้เพื่อปกป้องผู้รักษาประตู ไม่ว่าจะด้วยการโดนกระแทกหรืออะไรก็ตาม

ทั้งๆที่เราๆ ท่านๆ ก็รู้กันอยู่ไม่ต้องถึงขนาดไปสอบเป็นกรรมการอะไรให้เมื่อยเมื่อในกรอบ 6 หลา เป็นกรอบที่มีเอาไว้เพื่อปกป้องผู้รักษาประตู ไม่ว่าจะด้วยการโดนกระแทกหรืออะไรก็ตาม แต่นี้ยังไงกลับให้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายรุกเสียอย่างนั้น ซึ่งการตัดสินนี้ทำเอาผมขึ้นนิดๆ เหมือนกันในจังหวะเกมช่วงนั้น เรียกได้ว่าได้มาแบบงงๆ ชนิดแฟนบอลนักรบขุนด่านขี่กิเลน บางท่านยังงง เฮไม่ทันในจังหวะนี้

ซึ่งหลังจากขึ้นนำ เกมกลับเป็นฝั่งสมุทรปราการ ที่พยายามดาหน้าหวังเรียกความเป็นธรรมกลับคืนสู่สังคม แต่ก็ไม่วายเจอเรื่องชวนปวดหัวอีก โดยมีจังหวะที่ผมเห็นจะๆ แล้วปรี๊ดทันที เมื่อจังหวะทีม “ป้อมปราการ” รุกขึ้นมาพร้อมได้ทุ่ม แต่บอลมันกระดอนออกไปไกล เด็กหัวเกรียนผู้มีหน้าที่เก็บบอล กลับเกิดอาการเอื่อยเชื่อย เหมือนโดนพ่อแม่ทารุณกรรมไม่ได้รับประทานข้าวเย็นมา 3 วันติด เดินไปยังไงก็ไม่ถึงบอลเสียที ร้อนจน โค้ชเป็ด ต้องวิ่ง ซึ่งในจังหวะนั้นแวบแรกผมคิดว่า โค้ชเป็ด จะๆๆๆ ไปให้เงินเด็กผู้นั้นไปทานข้าว แต่โค้ชเป็ดไม่ทำอย่างนั้น พร้อมวิ่งไปเก็บบอลโยนให้ลูกทีมเล่นต่อ เรียกว่ามีความเป็นมืออาชีพอย่างเต็มเปี่ยม

นอกจากนี้ยังมีจังหวะอื่นๆ ที่ท่านเปาทำไม่ถูก เช่นว่าจังหวะบอลปราการได้ฟรีคิก แต่แข้งเมืองทอง บี สำออย ท่านเปาก็ต้องไปเลียแผลให้ ชนิดถ้าพกกล่องยาลงไปด้วยคงจัดให้อย่างงามกับแข้งเจ้าถิ่นไปแล้ว แบบว่าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แข้งปราการเล่นเร็วก็ไม่รู้ แข้งปราการโดนสอยก็ไม่เห็น ซะอย่างนั้น

และนี่คือบทสรุปของเรื่องราว ที่น่าหงุดหงิดหัวใจอย่างที่สุด ที่เกิดขึ้นในเกมเมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งก็อยากจะบอกแฟนๆ สมุทรปราการเอฟซี ทุกๆ คนว่าความพ่ายแพ้ในนัดนี้ไม่ใช่ที่สุด มันแค่เพียงก้าวที่ 5 ในปี 2013 เท่านั้น อยากให้เรามาร่วมแรงร่วมใจกันเชียร์ทีมจังหวัดเรา ให้มากขึ้นๆ ซึ่งนัดนี้เราทำหน้าที่กันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เสียแต่เพียงทีมงานผู้ตัดสินดันห่วยแตกเกินห้ามใจ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อสังคมมันอยู่ยาก แต่เราก็ต้องดิ้นรนกันต่อไป สำหรับโปรแกรมในนัดหน้า สมุทรปราการเอฟซี มีคิวบู๊ในถิ่นสนามกีฬาจังหวัดสมุทรปราการ (สนามบางปลา) รับ จันทบุรี เอฟซี ในวันอาทิตย์ที่ 24 มี.ค. อยากให้แฟนบอลป้อมปราการมารวมกันเยอะๆ เพื่อให้กำลังใจโค้ช และนักเตะสมุทรปราการเอฟซี สู้ให้ถึงฝั่งฝันของเรา